Network Anti-virus : ระบบป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์และข้อมูลไม่พึ่งประสงค์

Posted on Posted in คุณสมบัติ

Network Anti-virus : ระบบป้องกันการเข้าถึงข้อมูลอันตราย อันได้แก่ ไวรัสคอมพิวเตอร์ที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตประเภท คือ Adware ที่ติดมากับโฆษณาเว็บไซต์ ,  Ransowmare  , Botnet และ ยังสามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลอันไม่พึ่งประสงค์ต่อเด็กและเยาวชน ได้อีกด้วย ทั้งนี้สามารถเพิ่มเติมค่าบัญชีดำ (Blacklist)  กลุ่มเว็บไซต์ที่ไม่พึ่งประสงค์ได้เอง

ข้อมูลไวรัสคอมพิวเตอร์ และภัยคุกคามนั้น จะทำการผ่านเทคโนโลยี Threat Intelligence ฐานข้อมูลคัดกรอกเนื้อหาภาษาไทยมาจาก SRAN Technology

Network Intrusion Detection System : ตรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้นบนระบบเครือข่าย การดาวน์โหลดข้อมูลปริมาณมากที่ให้สิ้นเปลืองทรัพยากร

 

คุณสมบัติของ Network Anti-virus

ในการป้องกันประกอบด้วย

1. Independent Security

เป็นบริการในรูปแบบแพลตฟอร์ม (Platform) ความปลอดภัยโดยจะขึ้นกับความต้องการของหน่วยงาน จะเป็นฮาร์ดแวร์ติดตั้งแบบสำเร็จรูป หรือ บริการทุกอย่างพร้อม Cloud Services ซึ่งสามารถให้เลือกได้

2. No Anti-virus Software agent

มีความสามารถป้องกันภัยคุกคามและสื่อไม่เหมาะสมได้ โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ และการใช้งานรองรับการทำงานได้ทุกแพรตฟอร์ม ไม่ว่าเป็น พีซีตั้งโต๊ , โน็ตบุ๊ค , มือถือ และ แท็ปเล็ต

3. Web Filtering

มีความสามารถป้องกันเว็บไซต์ที่มีเนื้อไม่เหมาะสมโดยแบ่งประเภทดังนี้

3.1 ประเภทเนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ ก่อให้เกิดความแตกแยกของสังคม

3.2 ประเภทเนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน

3.3 ประเภทเนื้อหาที่เกี่ยวกับสิ่งลามกอนาจร

3.4 ประเภทเนื้อหาที่เกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด

3.5 ประเภทการดาวโหลดที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนโปรแกรมที่ซ่อนตัวตนบนอินเทอร์เน็ต

*3.6 ปรับแต่งประเภทเนื้อหาการปิดกั้นข้อมูลได้

4. Threat Protection

ความสามารถป้องกันภัยคุกคามที่มีความเสี่ยงต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ต

4.1 ประเภทการหลอกลวง (Phishing)

4.2 ประเภทไวรัสคอมพิวเตอร์และสปายแวร์ (Malware)

4.3 ประเภทข้อมูลขยะ (Spam)

4.4 โปรแกรมไวรัสเรียกค่าไถ่ (Ransomware)

4.5 ตรวจการใช้โปรแกรม Bittorance

4.6 ตรวจสอบการใช้งานการทำ Coin Miner

5. Fast internet

ทำให้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความรวดเร็วและไวต่อการใช้งานเนื่องจากข้อมูลที่ไม่พึ่งประสงค์ได้ถูกขจัดออกไป

6. Update

มีการอัพเดทข้อมูลลงฐานข้อมูลเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่องและทันสมัยทุกวัน

ตัวอย่างการแสดง Screenshot

 

ภาพที่ 1 แสดงสถานะการป้องกันภัย ประกอบด้วย

  1. จำนวนการป้องกันระบบเครือข่าย
  2. จำนวนการใช้งานอินเทอร์เน็ต
  3. เปอร์เซ็นการป้องกันภายในหนึ่งวัน
  4. รายชื่อบัญชีดำทั้งหมด  โดยนำมาจากค่า Threat Intelligence ประกอบด้วย บัญชีดำโดเมนที่ติดไวรัสคอมพิวเตอร์ และ การแพร่กระจายไวรัสคอมพิวเตอร์ , โดเมนที่ขึ้นบัญชีดำการติดไวรัสเรียกค่าไถ่ (Ransomware) และ โดเมนที่ปล่อยข้อมูลไม่พึ่งประสงค์ผ่านช่องทางการสื่อสารอีเมล์  และการใช้งานอินเทอร์เน็ต

 

ภาพที่ 2 แสดงค่าปริมาณการใช้เรียกใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยมีกราฟการเรียกใช้งานต่อเวลา ช่วงเวลาที่เรียกใช้งานอินเทอร์เน็ต และการส่งค่าโต้ตอบระหว่างผู้ใช้งานภายในองค์กร / หน่วยงาน / บ้าน  (User) และ เครื่องแม่ข่ายที่เรียกค่าจากอินเทอร์เน็ต

 

ภาพที่ 3  แสดงค่า Log files และการเปิดเว็บไซต์จากการเข้าถึงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จะเห็นค่าวันเวลา ไอพีต้นทาง ประเภทไอพีที่ใช้ รองรับทั้งค่าไอพี เวอร์ชั่น 4 (IPv4) และ เวอร์ชั่น 6 (IPv6)  ค่าสถานะการเรียกใช้งาน  เป็นต้น

Network Intrusion Detection System : ตรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้นบนระบบเครือข่าย

ใช้ NIDS ในการตรวจหาการสื่อสารที่ผิดปกติในรูปแบบการใช้งานผิดประเภท  ประกอบด้วย

 

(1) จำนวนเครื่องบนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

(2) การตรวจพบความเสี่ยงจากไวรัสเรียกค่าไถ่ (Ransomware) ภายในหน่วยงาน

(3) การตรวจพบความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์ (Worm)

(4) การตรวจพบการขุดเหมืองบิตท์คอยน์ (Coin Mining) ภายในหน่วยงาน

(5) การตรวจพบการดาวโหลดแบบสิ้นเปลืองทรัพยากรในองค์กร โดยใช้โปรแกรมบิทเทอร์เรนท์ (Bittorent)

(6) การตรวจพบเครื่องภายในองค์กรที่มีโอกาสติดเชื้อมัลแวร์ (Malware)

(7) การตรวจพบการเดารหัสผ่านเพื่อทำการเข้าถึงระบบโดยมิชอบ (Brute Force)

(8) การตรวจพบการโจมตีเพื่อหวังผลให้ระบบใช้การไม่ได้ DDoS/DoS ภายในเครือข่ายองค์กร